ในงานศิลปะแต่ละประเภทนั้นมีการใช้วัสดุและเทคนิคแตกต่างกัน ทำให้รูปแบบของงานต่างกันไปตามวัสดุ และคุณสมบัติของวัสดุมีความคงทนไม่เหมือนกันเช่น ภาพสีน้ำมันจะมีความคงทนกว่าภาพระบายสีน้ำ ฉะนั้นในการใส่กรอบภาพเพื่อต้องการนำไปแขวนประดับฝาผนัง แต่ลักษณะกรอบรูปย่อมต่างกันไปโดยเฉพาะภาพสีน้ำต้องได้รับการป้องกันผิวของสีน้ำบนกระดาษด้วยจึงจำเป็นต้องใช้กระจกปิดหน้ารูป ส่วนสีน้ำมันสีมีความคงทนจึงอาจไม่มีความจำเป็น ดังนี้เป็นต้น
อาจแยกประเภทของงานศิลปะต่างๆได้ดังนี้
1. ภาพจิตรกรรมสีน้ำมัน และสีอะคริลิก (OIL AND ACRYLIC PAINTING)
สีน้ำมัน (OIL) วิธีใช้ต้องใช้ผสมคู่กับน้ำมันลินซีด เพื่อให้สีมีความเหนียวยึดเกาะตัวได้ดี สีชนิดนี้มีความคงทนอยู่ได้นาน
สีอะคริลิก (ACRYLIC) วิธีใช้อาจจะใช้น้ำผสมให้สีอ่อนตัวแล้วระบายได้ คล้ายสีน้ำ หรือ อาจใช้น้ำมันลินซีดผสมเขียน คล้ายวิธีสีน้ำมันได้เหมือนกัน และการระบายสีทั้ง 2 วิธีนี้เมื่อสีแห้งแล้วสีจะมีความคงทนเหมือนกันกับสีน้ำม้น
สีทั้ง 2 ชนิดนี้ จะเขียนลงบนเฟรม (FRAME) ซึ่งส่วนใหญ่ศิลปินร่วมสมัยจะใช้กัน โดยการใช้ผ้าใบ (CANVAS) ขึงบนกรอบไม้ที่ต้องมีความแข็งแรงทนทาน ซึ่งเมื่อนำผ้าใบมาขึงให้ตึงพอดีจะได้ไม่เกิดการโค้งบิดงอ และถ้ามีการโค้งบิดงออาจทำให้สีที่เขียนเกิดการบิดร้าว หรือแตกได้ การทำกรอบรูปภาพส่วนใหญ่ใช้ไม้กรอบรูป ติดกับกรอบเฟรมผ้าใบในงานบางชนิดอาจทำกรอบด้านในก่อนเป็นกรอบผ้าไหม หรือผ้าชนิดอื่นๆ ก่อนถึงกรอบไม้อีกชั้นหนึ่ง ในงานจิตรกรรมนี้ ไม่นิยมใส่กระจกปิดหน้ารูป เพราะตัวสีที่ระบายมีความคงทนอยู่แล้ว
2. ภาพจิตรกรรมสีน้ำ (WATER COLORS)
ในงานจิตรกรรมสีน้ำนี้ ส่วนมากมีลักษณะบอบบาง เพราะการเขียนระบายสีน้ำบนกระดาษวาดเขียน เมื่อเวลาเขียนจะมีความชื้นทำให้กระดาษบิดโค้งงอ ฉะนั้นในการใส่กรอบควรให้กระดาษแห้งสนิทเสียก่อน การเลือกใช้ไม้กรอบรูปควรหาชนิดแบบแบนเส้นเล็ก (SMALL MOLDING-FLAT) แบบโค้งครึ่งวงกลม (HALF ROUND) และแบบโค้งลาด (OGEE) เป็นต้น
ด้านหลังภาพรองด้วยกระดาษการ์ดแข็ง และด้านหน้าปิดด้วยกรอบแม็ท (MAT-MOUNT BOARD) เจาะช่องตรงกลางเพื่อให้เห็นรูปและกรอบแม็ท (MAT-MOUNT BOARD) มีความกว้างประมาณ 3-5" และเลือกสีที่ไม่สดใสกว่างานจิตรกรรมแต่จะช่วยให้งานจิตรกรรมมีความเด่นชัดขึ้น
เมื่อใส่กรอบเรียบร้อยสำเร็จ กระจกและกรอบแม็ทที่อยู่ด้านหน้าจะช่วยป้องกันฝุ่นและความชื้นอาจทำให้กระดาษโค้งงอได้ ส่วนกรอบแม็ทจะช่วยกั้นระหว่างกระจกกับรูปงานจิตรกรรมห่างกันเพื่อป้องกันหากมีความชื้น สีน้ำจะได้ไม่ลอกติดกระจกได้
3. งานศิลปะวาดเส้น (PENCIL DRAWING) สีเทียน (PASTELS) และภาพเชียนด้วยถ่านชาร์โคล (CHARCOAL)
ในการใส่กรอบรูปควรใช้วัสดุไม้กรอบรูปชนิดแบบง่ายๆ เหมือนกับการใส่กรอบรูปในงานจิตรกรรมสีน้ำเช่นกัน เพราะการปฏิบัติงานเขียนรูปส่วนใหญ่การใช้สีเหล่านี้จะเขียนกระดาษ แต่วัสดุสีเหล่านี้มีโอกาสที่จะลอกออกได้ง่ายกว่าสีน้ำ ในระหว่างปฏิบัติการใส่กรอบอย่าให้มือไปถูกรูปโดยเด็ดขาด ดังนั้นการใส่รูปเพื่อที่จะป้องกันพื้นผิวของงานศิลปะ โดยการติดกรอบ Mount Board บังรูป โดยเจาะช่องตรงกลางให้เห็นรูปเขียน และกรอบ Mount Board หน้ารูปนี้ยังเป็นส่วนกั้นมิให้กระจกติดแนบกับรูป ซึ่งอาจทำให้สีดินสอ ถ่านชาร์โคล หรือ สีเทียนติดกระจกได้
4. งานศิลปะภาพพิมพ์ (GRAPHIC ART)
งานศิลปะภาพพิมพ์เป็นประเภทงานศิลปะที่มีเทคนิคการทำแม่พิมพ์หลายอย่างด้วยกัน เช่น แม่พิมพ์ แกะไม้ (WOOD CUT) แม่พิมพ์โลหะกัดกรด แม่พิมพ์หิน แม่พิมพ์ตะแกรงไหม (SILK SCREEN) และภาพพิมพ์ถู (RUBBING) เป็นต้น แต่ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคในงานศิลปะภาพพิมพ์ จะพิมพ์ลงบนกระดาษ ขนาดของไม้กรอบรูป ควรใช้ลักษณะเรียบแนวแคบเล็ก และควรใช้กรอบ Mount Board สีขาว ตัดเจาะช่องกลางให้เห็นภาพ การเลือกใช้สีขาวเพราะงานภาพพิมพ์ส่วนใหญ่เป็นสีขาว ดำ แต่ในปัจจุบันนี้ศิลปะภาพพิมพ์ร่วมสมัย จะมีสีสดใสเด่นชัด และ มีลวดลายมากขึ้น
การทำกรอบ Mount Board จะตัดเป็นช่องตรงกลางให้ใหญ่กว่าขอบของรูปภาพ เพื่อให้เห็นชื่อใต้ภาพที่ศิลปินได้เขียนไว้ และกรอบ Mount Board ซึ่งเป็นกระดาษการ์ดแข็งนี้มีความกว้างด้านหน้าประมาณ 3-5" ประโยชน์ของกรอบ Mount Board จะช่วยให้ภาพดูเด่นชัด และยังเป็นส่วนปิดบัง ขอบนอกของกระดาษพิมพ์ที่ไม่เรียบร้อย เช่นรอยเปรอะเปื้อนต่างๆ นอกจากนั้นยังเป็นตัวกั้นระหว่างงานศิลปะกับกระจกใสไม่ให้แนบชิด เพื่อป้องกันความเปียกชื้นที่จะก่อให้เกิดเชื้อราบนภาพได้ และป้องกันหมึกพิมพ์ของงานศิลปะไม่ติดกับกระจกใสได้
5. งานภาพถ่าย (PHOTOGRAPHS)
งานศิลปะภาพถ่าย มีลักษณะแตกต่างกับงานศิลปะอื่นๆ เพราะว่าผิวหน้าของกระดาษรูปถ่ายนั้นถูกเคลือบด้วยน้ำยาสร้างรูปจากฟิล์มง่ายต่อการที่จะเป็นรอยขูดขีดและอาจเป็นรอยด่างของลายนิ้วมือขึ้นบนภาพซึ่งต่างจากรอยด่างบนผิวกระดาษ อาจจะทำให้เกิดการเติบโตของเชื้อราหากรูปได้รับความชื้น ซึ่งไม่สามารถช่วยเหลือแก้ไขได้ทำให้รูปภาพเกิดความเสียหาย นอกจากการป้องกันด้วยวิธีการใส่กรอบรูปที่ดี
โดยปกติภาพถ่ายเมื่อได้รับความชื้นจะทำให้กระดาษรูปภาพเกิดการพองโค้งงอขึ้น ดังนั้นในการทำกรอบรูปภาพ จึงต้องติดภาพถ่ายลงบนกระดาษการ์ดแข็งรองหลังภาพด้วยกาวยาง ให้เรียบร้อยเสียก่อน และใช้กรอบ Mount Board เจาะช่องกลางให้เห็นภาพถ่ายปิดทับ และใส่กรอบกระจกทับชั้นบนอีกครั้งหนึ่ง
แต่ในปัจจุบันการใส่กรอบภาพถ่ายเพื่อให้ภาพมีความคงทนจะใช้วิธีการใส่กรอบเคลือบเรซิน หรือกรอบวิทยาศาสตร์ที่ให้แผ่นฟิล์มใสปิดทับหน้ารูปถ่ายโดยใช้กาวเรซินเป็นตัวเชื่อมติดให้ภาพพิมพ์ใสติดแน่นแนบสนิท อากาศเข้าไม่ได้ ซึ่งจะช่วยรักษาภาพถ่ายให้มีความคงทนมากกว่าการใส่กรอบภาพโดยใช้กระจกใส
6. งานศิลปะลายถัก และสิ่งทอ (NEEDLE ART AND FABRIC)
ส่วนมากงานชนิดนี้ จะติดยึดงานศิลปะบนกระดาษแข็ง (HARD BOARD) แล้วใส่กรอบไม้ หรืออาจจะติดกรอบ Mount Board ครอบคลุมด้านหน้าโดยเจาะช่องตรงกลางให้มองเห็นงานศิลปะ การเลือกสีของกรอบนี้ควรให้เหมาะสมโดยให้ผลงานศิลปะเด่นชัด และเข้ากันกับลวดลายของสิ่งทอหรือลายถักด้วย เพื่อติดกรอบ Mount Board แล้วใช้กระจกมาปิดกรอบทับและใส่กรอบไม้ การใส่กระจกเพื่อต้องการป้องกันรักษาผิวลายผ้าของงานศิลปะ เช่น ฝุ่น ความชื้น หรืออื่นๆ อาจเกิดขึ้นได้ ยิ่งถ้างานศิลปะลายถักและสิ่งทอนั้นเป็นของเก่าแก่บอบบางและเป็นของที่มีค่าราคาแพงด้ายแล้วการใส่กรอบรูป ควรจะใช้กระจกใสปิดหน้าประกอบด้วย
7. งานศิลปะภาพแขวนลายผ้าพรมต่างๆ (TAPESTRIES, WEAVING AND RUGS)
งานศิลปะพวกนี้ได้แก่ผ้าม่านมีดอกปัก ใช้แขวนปิดกำแพงบ้านมีใช้ในสมัยก่อน (TAPESTRIES) ลายทอผ้าอย่างหนา หรือลายสานถัก (WEAVING) และผ้าพรมชนิดหนา หรือพื้นเล็กๆ สำหรับปูหน้าเตียง หรือหน้าเตายิงไฟ (RUGS) มีความงามหากจะนำมาประดับฝาผนังห้องได้ งานศิลปะประเภทนี้เป็นภาพแขวนแนบ นาบและมีน้ำหนัก จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีกรอบยึดด้านบนตลอดแนวเช่น อาจใช้ไม้ หรืออะลูมิเนียมก็ได้ เพื่อแขวนจะได้เรียบสม่ำเสมอผ้าของงานศิลปะไม่โค้งงอพับลงมา แต่ถ้างานศิลปะนี้มีลักษณะบอบบางหรือเป็นของเก่าแก่มีค่าราคาแพงมากก็ควรที่จะทำกรอบ คล้ายกล่องบรรจุซอง ด้านหน้าเป็นกระจกแขวนบนฝาผนังได้
8. งานศิลปะของที่ระลึก (COLLECTION)
ในงานศิลปะประเภทนี้ คือของที่ระลึกต่างๆ ที่เป็นของเก่าเช่นเงินเหรียญเก่าๆ ของชำร่วยงานต่างๆ หรืออาจจะเป็นเครื่องลายครามชิ้นเล็กๆเป็นต้น ที่สะสมไว้ถ้าใส่ตู้โชว์ งานบางชิ้นไม่เหมาะสมไปกว่าการติดโชว์แขวนบนฝาผนังห้อง แต่วัสดุของที่ระลึกเหล่านี้เป็นของเก่า ที่มีค่าราคาในงานบางชิ้น การนำใส่กรอบควรมีความระมัดระวัง โดยเฉพาะลักษณะของเหล่านี้จะมีความหนาการใส่กรอบควรจะเป็นลักษณะคล้ายกล่อง และมีกระจกด้านหน้ากระจกใสจะอยู่ห่างจากงานศิลปะ สิ่งที่สำคัญคือ การติดงานศิลปะบนพื้นหลังกรอบ ซึ่งอาจจะใช้กระดาษการ์ดแข็งหรือผ้าทอสีต่างๆ อยู่บนพื้นหลังแล้วติดงานศิลปะลงไป การติดต้องพิจารณางานแต่ละชิ้นจะใช้วิธีใดที่ไม่ทำลายงานนั้น เช่น อาจใช้กาวยางน้ำ ใช้ลวดเกี่ยวทำขอแขวน หรือ อาจใช้ด้ายเชือก เส้นเอ็น ผูกติดก็ได้ เป็นต้น ตามความเหมาะสม
ซึ่งงานเเต่ละงานนัั้นมันความละเอียดที่เเตกต่างๆกัน เเละความสวยงามเเต่ละภาพที่เเต่กต่างกัน ฉะนั้นการเลือกกรอบรูปภาพเพื่อใส่รูปจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรู้ในเรื่องของศิลปะเพื่อที่มันสามารถทำให้รูปภาพเก๋ๆ กลับดูมีความสวยงามมากขึ้น ซึ่งรูปแบบของการใส่รุปภาพนั้นเราสามารถที่จะดูเพิ่ิมเติมเกี่ยวกับรูปภาพที่เป็น#ของที่ระลึก หรือของที่ระลึกงานเกษียณได้ที่ ลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลย www.wongnimit.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น